Last updated: 15 ก.ย. 2565 | 1177 จำนวนผู้เข้าชม |
ใครที่กำลังเผชิญกับโรคริดสีดวงจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดทรมาน ทั้งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและรบกวนการนอนหลับจนทำให้ไม่สบายตัว วันนี้เรามีวิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองมาแนะนำกัน เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ในการดูแลตัวเองที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน รับรองว่าจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
ระหว่างที่กำลังเผชิญกับโรคริดสีดวงอาจทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายตัว ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการได้คือ การผ่อนคลายร่างกายด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและโปร่งสบาย จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวได้มากขึ้น ที่สำคัญก็คือการหมั่นรักษาความสะอาดบริเวณบั้นท้ายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอับชื้นและระคายเคือง แนะนำว่าในช่วงเวลานี้ให้หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงยีนส์ หรือกางเกงรัดรูปจะดีที่สุด
โรคริดสีดวงนั้นเกิดจากการที่หลอดเลือดดำบริเวณปลายของหูรูดทวารหนักอักเสบ จนมีลักษณะโป่งพองและกลายเป็นติ่งเนื้อยื่นออกมา ทำให้รู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีรักษารัดสีดวงด้วยตัวเองที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ก็คือการนั่งแช่ลงในอ่างน้ำอุ่นหรือกะละมังใส่น้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากริดสีดวง โดยให้แช่วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที วิธีนี้จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้รู้สึกสบายตัวและช่วยให้อาการอักเสบลดน้อยลง
หลายคนที่ประสบปัญหาการนอนหลับจากการเป็นริดสีดวง เพราะรู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถล้มตัวลงนอนได้ ให้มองหาหมอนที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ หรือมีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายรูปโดนัทมารองที่บั้นท้ายเวลานอน หรือพยายามนอนตะแคงข้างแทนการนอนหงายเป็นเวลานาน ๆ จะช่วยให้นอนหลับได้สบายตัวมากขึ้น และยังช่วยลดการกดทับ ป้องกันอันตรายจากริดสีดวงแตกได้อีกด้วย
ในช่วงเวลาก่อนเข้านอน ความเจ็บปวดจากริดสีดวงอาจทำให้รู้สึกทรมานจนไม่สามารถนอนหลับได้ แนะนำว่าให้ลองฟังเพลงจังหวะช้า ๆ อ่านหนังสือที่ชอบ หรือจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ อย่างชาคาโมมายล์ เพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกายจากความเจ็บปวดและช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น หากใครที่รู้สึกเครียด อาจใช้วิธีเปลี่ยนบรรยากาศในห้องให้เหมาะกับการพักผ่อนมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนโคมไฟข้างเตียงเป็นไฟสีเหลืองนวลให้สบายตา และจุดเทียนหอมกลิ่นที่ชอบ
นอกจากอาการอักเสบจากติ่งเนื้อแล้ว หากปล่อยให้ท้องผูก หรือขับถ่ายยากก็อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคริดสีดวงได้มากกว่าเดิม ดังนั้นวิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองที่ควรทำในทุกวันคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพื่อช่วยในการขับถ่าย เช่น ผักและผลไม้ โยเกิร์ต และธัญพืช โดยในแต่ละมื้อควรมีผักหรือผลไม้เป็นส่วนประกอบอย่างน้อย 50% ซึ่งนอกจากการเพิ่มผักและผลไม้ในมื้ออาหารแล้ว ก็ยังมีประเภทอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างที่เป็นริดสีดวงด้วยเช่นกัน ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ริดสีดวงมีความรุนแรงยิ่งขึ้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อแทรกซ้อน
ผู้ป่วยโรคริดสีดวงหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า แม้ในขณะที่กำลังเป็นริดสีดวงก็สามารถออกกำลังกายได้เช่นกัน เพราะจะช่วยปรับสมดุลในร่างกายและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหักโหมและเลือกออกกำลังกายเบา ๆ ในท่าที่เหมาะสมอย่างน้อย 20-30 นาทีต่อวันแทน เช่น การเล่นโยคะ การเดินเบา ๆ หรือการเต้นแอโรบิกในท่าง่าย ๆ ด้วยจังหวะที่ไม่เร็วเกินไป นอกจากจะดีต่อการรักษาริดสีดวงแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
น้ำเปล่าสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้ป่วยโรคริดสีดวงเท่านั้น เพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ทำให้ร่างกายสามารถขับสิ่งสกปรกและขจัดสารพิษตกค้างออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการดื่มน้ำที่ถูกวิธีนั้นคือ การดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง โดยหลังตื่นนอนควรดื่มทันที 1 แก้ว และควรจิบน้ำเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวันให้ได้อย่างน้อย 1-2 ลิตร จะดีต่อสุขภาพมากที่สุด
ปิดท้ายด้วยวิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองอย่างการเลือกใช้ยารักษาโรคริดสีดวงสูตรสมุนไพรเพื่อช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ลดความเจ็บปวด และลดขนาดติ่งเนื้อ เพราะข้อดีของการใช้ยาสมุนไพรก็คือ เป็นยาที่ไม่มีสารเคมีตกค้างอยู่ในร่างกาย สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง สามารถใช้ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการริดสีดวงได้ทุกระยะ สำหรับใครที่กังวลเรื่องการผ่าตัดและการพักฟื้นก็สามารถเลือกใช้ยาสมุนไพรในการรักษาได้
สำหรับใครที่สนใจยารักษาโรคริดสีดวงสูตรสมุนไพร ขอแนะนำยาสมุนไพร Montra Herbal ยาริดสีดวงที่พัฒนาตามตำรับแพทย์แผนไทยภายใต้คำแนะนำของเภสัชกร เลือกใช้สมุนไพรออร์แกนิก เกรดพรีเมียม ปลอดภัยจากสารพิษ 100% และผ่านการจดทะเบียนเป็นยาสำหรับรักษาริดสีดวงโดยตรง ไม่ว่าริดสีดวงระยะไหนก็หายได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องการผ่าตัด
19 ม.ค. 2566
18 ม.ค. 2566